วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ละครการขาย: บทที่ 4 การนำเสนอ (ฉากที่ 4) ประกันชีวิต พร้อมสัญญาเพิ่มเติมต่างๆ


การนำเสนอ ฉากที่ 4 ประกันชีวิต พร้อมสัญญาเพิ่มเติมต่างๆ

ตัวแทนขอบคุณครับคุณสมชาย ที่อนุญาตให้ผมได้มีโอกาส อธิบายโครงการประกันชีวิต แบบมีสวัสดิการที่ครบถ้วน นี้
%     คำอธิบาย ตัวแทนเตรียมข้อเสนอประกันชีวิต พร้อมสัญญาเพิ่มเติมต่างๆ ซึ่งในตัวอย่างนี้ ประกอบด้วยแบบประกันและสัญญาเพิ่มเติม ดังนี้
-         ทุนประกันชีวิต                                   100,000.-
-         สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ แบบHS              2,400.-
-         สัญญาแนบท้ายผู้ป่วยนอก แบบ OPD               1,000.-
-         สัญญาค่ารักษาพยาบาลรายวัน แบบ HB             1,000.-
-         สัญญาคุ้มครองโรคมะเร็ง CB                 1,000,000.-
-         สัญญาคุ้มครองอุบัติเหตุ แบบ อ1 (ฆจ.)         300,000.-  

(ตัวแทนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ตามความเหมาะสม)

ผู้มุ่งหวัง: ครับเชิญ
ตัวแทนคุณสมชายครับ ถ้าคน ๆหนึ่งมีรายได้เดือนละประมาณ 20,000 บาท แล้วเราไปขอให้เขา เก็บเงินทั้งหมดที่เขาได้รับ คุณสมชายเห็นด้วยไหมครับว่า เขาคงเก็บขนาดนั้นไม่ไหวสาเหตุก็เพราะ เขายังคงต้องกินต้องใช้ด้วย จริงไหมครับ
%        ตัว แทนพยายามพูดโดยใช้หลักการ และแสดงให้เห็นว่าเป็นการพูดอย่างมีเหตุมีผล โดยใช้ตัวอย่างเป็นบุคคลๆหนึ่งซึ่งไม่ใช่ผู้มุ่งหวัง เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกสูญเสีย
ผู้มุ่งหวัง: ครับใช่
ตัวแทนแต่ถ้าเขามี รายได้เดือนละประมาณ 20,000 บาท แล้วเราขอให้เขาเก็บเงินสัก วันละประมาณ 50 บาท อย่างนี้พอเป็นไปได้ใช่ไหมครับ?
ผู้มุ่งหวัง: ครับคงพอได้
ตัวแทน: และถ้าเขาตัดสินใจเก็บเงินวันละประมาณ 50 บาท เงินวันละ 50 บาท นี้ จะทำอะไรให้เขาได้บ้างคุณสมชาย ช่วยผมดูหน่อยนะครับ
ผู้มุ่งหวัง: ได้ครับ
ตัวแทนเงินวันละประมาณ 50 บาท จะทำหน้าที่แรกคือ การให้ความคุ้มครอง หมายความว่า ทันทีที่เขาเก็บเงินเฉลี่ยวันละ 50 บาท เขาก็จะได้รับความคุ้มครอง หากเขา เสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ในวงเงิน 100,000 บาท แต่ถ้าเป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุก็จะเป็น 400,000 บาท และถ้าเป็น อุบัติเหตุสาธารณะ เช่น ขณะโดยสารในรถโดยสารประจำทาง ความคุ้มครองก็จะเพิ่มเป็น 700,000 บาท ครับ
ผู้มุ่งหวัง: ครับ
ตัวแทนคุณสมชายครับ การเก็บเงินวันละ 50 บาท นอกจากความคุ้มครอง 100,000 – 400,000 – 700,000 แล้ว ยังทำหน้าที่ๆสองด้วย นั่นก็คือ การเก็บออม  หมายความว่า เงินวันละ 50 บาท ที่เขาเก็บนั้น จะถูกกันส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินเก็บเงินออม เมื่อครบสัญญาปีที่ 20 ก็จะกลายเป็นเงินเก็บเงินออมประมาณ 150,000 บาท ซึ่งความจริงแล้ว เงินจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท นี้ก็ไม่ใช่เงินที่มากมายอะไร จริงไหมครับ
%        ตัวแทนพยายามใช้เทคนิคการ พูดย้อนกลับไปทบทวนผลประโยชน์ก่อนหน้าอีกครั้ง
ผู้มุ่งหวัง: จริงครับ
ตัวแทนแต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันดูจะ ไม่เยอะแต่ก็เก็บยาก ทั้ง นี้ก็เพราะถ้าเรายังคงใช้วิธีการเก็บเงินแบบเดิม นั่นก็คือ เก็บไว้กับธนาคาร เช่น ผมเคยไปธนาคารเพื่อเปิดบัญชีใหม่ โดยตั้งใจว่าบัญชีนี้จะไม่ถอน แล้วหลังจากนั้นผมก็เริ่มเก็บออมใส่บัญชีจนเงินพอกพูนขึ้นมาถึง 5 หมื่น บาท แต่วันหนึ่งผมมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงิน เงินในบัญชีอื่นก็ไม่มี จะไปกู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยก็แพงมาก ผมคิดอยู่นานทีเดียวเลยครับ เพราะใจจริงแล้วไม่อยากถอนเงินในบัญชีนี้ แต่ในที่สุด ผมก็เห็นว่ามันจำเป็น และอีกอย่างในบัญชีมีเงินถึง 5 หมื่น ผมจะใช้เงินเพียง 10,000 บาท เท่านั้น ยังคงเหลืออีกตั้ง 40,000 บาท แล้วผมจะรีบหาเงินมาเก็บคืนกลับไปเหมือนเดิม แต่ผมคิดผิด
ผู้มุ่งหวัง:
ตัวแทนเพราะมันมี อาถรรพ์ อยู่ว่า บัญชีใดที่มีการถอนครั้งที่ 1….. มันจะมีการถอนครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ตามมา
ผู้มุ่งหวัง: ฮ่าๆๆ ผมก็เคยเป็นเหมือนกัน
ตัวแทนซึ่งมันก็คงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร เพราะที่เราฝากเงินไว้กับธนาคารก็เพราะว่า เราสามารถถอนเงินได้ง่าย ถ้าถอนไม่ได้จึงจะเป็นเรื่องแปลกจริงไหมครับ ดังนั้น การเก็บเงินกับธนาคารเป็นการ เก็บเพื่อถอนส่วนการเก็บเงินกับการประกันชีวิต จึงเป็นการ เก็บเพื่อเก็บ จริงไหมครับ?
ผู้มุ่งหวัง: ใช่ครับ ผมเห็นด้วย
ตัวแทนคุณสมชายครับ เงินวันละ 50 บาท ที่ผมชวนเขาเก็บนั้น นอกจากจะให้ ความคุ้มครอง 100,000 – 400,000 – 700,000 เป็นเงินเก็บเงินออม 150,000 แล้ว ยังทำหน้าที่ๆสามด้วย นั่นก็คือเป็น สวัสดิการ หมายความว่า ถ้าเขาเจ็บป่วยต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเขาก็สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ โดยมี ค่าห้อง-ค่าอาหาร วันละ 2,400 บาท และมีสิทธิ์เบิกค่ารักษาได้สูงสุดถึง 420,000 บาท ต่อครั้งต่อโรค ไม่จำกัดจำนวนครั้งตลอด 20 ปี
ผู้มุ่งหวัง:
ตัวแทนคุณสมชายครับ เงินวันละ 50 บาท ที่เขาเก็บนั้น นอกจากจะให้ความคุ้มครอง ให้การเก็บออมเงิน เป็นสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลได้แล้ว ในกรณีการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น ยังมี เงินชดเชยเพิ่มเติมให้เป็นรายวันๆ ละ 1,000 บาท ถ้าเขานอน 1 วัน ก็ได้รับเงินเพิ่มอีก 1,000 ถ้าเขานอนรักษาตัว 10 วัน ก็รับเพิ่ม 10,000 บาท ซึ่งเป็นการเพิ่มให้ โดยแยกออกจากค่ารักษาพยาบาลตามปรกติครับ
%        ตัวแทนพยายามใช้เทคนิคการ พูดย้อนกลับไปทบทวนผลประโยชน์ก่อนหน้า เสมอๆ
ผู้มุ่งหวัง: อ๋อ อย่างนั้นหรือครับ
ตัวแทนยิ่งไปกว่านั้น คุณสมชายคงเห็นด้วยนะครับว่า โรคมะเร็ง กลายเป็นโรคที่อันตราย และมีผู้ป่วยมากขึ้นทุกปีๆ ซึ่งเงินวันละ 50 บาทที่เขาเก็บนี้ ยังเพิ่มความคุ้มครองพิเศษให้ ในกรณีที่พบว่าผู้ที่ทำโครงการนี้เป็นโรคมะเร็ง ซึ่งเขาก็จะได้รับเงินก้อนจำนวน 1 ล้าน บาท เอาไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลต่างหาก นอกเหนือจากค่ารักษาตามปรกติซึ่งก็ยังสามารถเบิกได้อยู่เช่นเดิมตามสิทธิ์ อย่างนี้ดีไหมครับ?
ผู้มุ่งหวัง: ดีครับ
ตัวแทนคุณสมชายครับ นอกจากนั้น ในกรณีการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ เช่น เป็นหวัด-คัดจมูก หรือเป็นผดผื่นคัน แล้วเขาไปหาหมอที่ คลินิก ซึ่งตามปรกติแล้ว การประกันสุขภาพจะไม่ครอบคลุม แต่เงินวันละ 50 บาท ที่เขาเก็บนั้น จะกลายเป็น สวัสดิการพิเศษ ทำให้เขาสามารถ เบิกค่ารักษาที่คลินิก ได้อีกด้วย โดยเบิกได้ สูงสุดครั้งละ 1,000 บาท และมีสิทธิ์เบิกได้ถึง ปีละ 30 ครั้ง เป็นวงเงินสูงสุดถึง 30,000 บาท ต่อปีเลยครับ
ผู้มุ่งหวัง: ดีครับ
ตัวแทนคุณสมชายครับ นอกจากที่กล่าวมาแล้ว เงินวันละ 50 บาท ของเขานั้น จะทำหน้าที่ เพิ่มเติมความคุ้มครอง ใน กรณีการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น ถ้าเขาเกิดก้าวเท้าพลาด ทำให้ข้อเท้าพลิกข้อเท้าแพลง ปวดบวมอักเสบขึ้นมา ตอนที่เขาไปหาหมอที่คลินิก และหมอให้ยามาทา ให้ผ้ามาพัน ช่วยบรรเทาอาการนั้นเขาสามารถเบิกได้อยู่แล้ว เมื่อเขามาทำเคลมแล้วแพทย์ลงความเห็นว่า เขาจะมีอาการปวดบวมทำงานได้ไม่ถนัดไปสัก 1 สัปดาห์ เขาก็จะได้รับเงินชดเชยเพิ่มเติมให้สัปดาห์ละ 900 บาท แต่ถ้าเขาประสบอุบัติเหตุ เช่น รถมอเตอร์ไซด์ล้ม แล้วแขนหัก ถือว่าบาดเจ็บมาก-ต้องหยุดงาน เงินชดเชยก็จะเพิ่มเป็น 2,100 บาท ต่อสัปดาห์ และหากถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล นอกจากเขาจะสามารถเบิกค่ารักษาได้ตามปรกติแล้ว เงินชดเชยการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุนี้ก็จะเพิ่มเป็น สัปดาห์ละ 2,800 บาท ตัวอย่างเช่น นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 1 สัปดาห์ = 2,800 บาท แล้วออกมาพักอยู่ที่บ้าน 2 สัปดาห์ = 4,200 บาท จากนั้นไปทำงานได้แต่ยังทำงานได้ไม่ถนัดอีก 1 สัปดาห์ = 900 บาท การชดเชยนี้จะชดเชยไปจนกว่าเขาจะสามารถทำงานได้ตามปรกติ ต่อเนื่องสูงสุด 52 สัปดาห์ หรือ 1 ปี หากยังไม่หาย จะเปลี่ยนการชดเชยจาก การชดเชยรายสัปดาห์เป็นการชดเชยรายปี เหมือนเป็น ค่าเลี้ยงดูรายปีๆละ 30,000 บาท สูงสุด 10 ปี เป็นวงเงิน 300,000 บาท ครับ
ผู้มุ่งหวัง: ฮึ่มครับ
ตัวแทนคุณสมชายครับ เงินชดเชยกรณีประสบอุบัติเหตุนี้ยัง ขยายความคุ้มครอง ไปถึง กรณีที่เขาถูกสุนัขกัด-แมวข่วน แล้วแพทย์ลงความเห็นว่า ต้องฉีดเซรุ่ม-วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งค่ายาแต่ละเข็มก็สามารถเบิกได้ตามสิทธิ์ แต่เมื่อเขา ฉีดยาครบตามที่แพทย์สั่ง แล้ว เขาก็จะได้รับเงินชดเชย เหมือนเป็นค่าทำขวัญ อีก 3,000 บาท และถือว่าบาดเจ็บเล็กน้อยจากอุบัติเหตุ ชดเชยให้อีก 1 สัปดาห์ เป็นเงิน 900 บาท รวม 3,900 บาท ครับ
ผู้มุ่งหวัง: อื่มครับ
ตัวแทนคุณสมชายครับ สรุปว่า เงินวันละประมาณ 50 บาท ที่เขาเก็บนั้นให้ ความคุ้มครอง 100,000 – 400,000 – 700,000 แล้วแต่กรณี / เป็นเงินเก็บเงินออม 150,000 บาท / กรณีประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บ มีเงินชดเชยตามอาการที่ได้รับบาดเจ็บ สัปดาห์ละ 900 – 2,100 – 2,800 บาท / สุนัขกัด-แมวข่วน ฉีดเซรุ่มรักษามี ค่าทำขวัญ 3,900 บาท / เป็น สวัสดิการเบิกค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลได้ 420,000 บาท ต่อครั้งต่อโรค / และยังมีเงินชดเชยให้เป็นรายวันในกรณีนอนโรงพยาบาล วันละ 1,000 บาท สูงสุด 500 วัน 500,000 บาท / และในกรณีที่พบโรคมะเร็ง ก็มีค่ารักษาเป็นเงินก้อนให้อีก 1 ล้านบาท / รวมถึงการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปหาหมอที่ คลินิก สามารถเบิกได้ครั้งละ 1,000 สูงสุดปีละ 30,000 บาท คุณสมชายเห็นไหมครับว่าเป็นการเก็บออมที่คุ้มค่าทีเดียว
%        ตัวแทนพยายามใช้เทคนิคการ สรุปรวมผลประโยชน์ที่ได้รับทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง
ผู้มุ่งหวัง: ครับ ฟังดูแล้วคุ้มจริงๆ
ตัวแทนคุณสมชายครับ ในความเห็นของคุณสมชายแล้ว ส่วนของ เงินออม 150,000 บาท หรือ ส่วนของ สวัสดิการค่าห้อง 2,400 บาท ต่อวัน ครับ ที่คุณสมชายคิดว่าน่าจะเพิ่มให้มากกว่านี้

……..จบฉาก………

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น